อนุกรมวิธานเเละความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) เเบ่งเป็น 3 ระดับ คือ

1.ความหลากหลายทางพันธุกรรม (genetic diversity) เป็นความแปรผันทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในประชากรของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน

2.ความหลากหลายทางชนิด (species diversity) เป็นความแปรผันที่เกิดขึ้นในระดับกลุ่มของสิ่งมีชีวิต

3.ความหลากหลายทางระบบนิเวศ (ecological diversity) เป็นความหลากหลายของระบบนิเวศแต่ละแหล่ง เช่น ระบบนิเวศบนบก ระบบนิเวศเเหล่งน้ำ
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตมีจำนวนมากมายหลายชนิด ดังนั้นวิชาที่กล่าวถึงการจัดลำดับจะเรียกว่าอนุกรมวิธาน (taxonomy) วิชาดังกล่าวประกอบด้วย
1.การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต (classification)
2.การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต (nomenclature)
3.การระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตหรือหน่อยอนุกรมวิธานของสิ่งมีชีวิต (identification)
1. การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต (classification)
นักอนุกรมวิธานจะมีการจัดลำดับขั้นของกลุ่มสิ่งมีชีวิตตามความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการและความเหมือนกันทั้งในด้านรูปร่าง สัณฐานวิทยา และหลักฐานทางชีวโมเลกุล โดยการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตจะมีลำดับขั้น (hierarchy) ต่างๆดังต่อไปนี้

แต่ละลำดับขั้นอาจจะจัดลำดับย่อยลงไปอีก เพื่อเพิ่มรายละเอียดในการจัดจำแนก เช่น subclass หรือ subphylum
การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต (nomenclature)
ชื่อของสิ่งมีชีวิตแบ่งออกได้เป็น 3 ระบบหลัก คือ
1.ชื่อพื้นเมือง (vernacular name) – ชื่อที่ใช้ภาษาท้องถิ่นในการเรียกสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ
2.ชื่อสามัญ (common name) – ชื่อภาษาอังกฤษของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ
3.ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name) – ชื่อสากลที่ใช้ในการเรียกชื่อของสิ่งมีชีวิตเพื่อแก้ปัญหาการสับสนจากชื่อพื้นเมืองและชื่อสามัญ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจตรงกันได้
หลักการในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตสรุปได้ดังนี้
1.ใช้เป็นภาษาละตินเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ ถ้าเป็นภาษาอื่นจะต้องทำให้เป็นภาษาละตินก่อน
2.ชื่อแรกเป็นชื่อของจีนัส (generic name) ส่วนชื่อหลังเป็นชื่อระบุชนิด (specific epithat) ตามหลัก binomial nomenclature ของลินเนียส
3.ชื่อของจีนัส (generic name) พยัญชนะตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ชื่อระบุชนิด (specific epithat) จะใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด
4.การเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ทำได้ 2 แบบคือเขียนโดยใช้การขีดเส้นใต้ชื่อวิทยาศาสตร์ทั้งสองส่วนโดยที่เส้นทั้งสองไม่ติดกัน เช่น Homo sapiens หรือ ใช้ตัวเอียง (italic) แทนได้ เช่นHomo sapiens
5.ชื่อที่ถูกต้องของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งๆ (correct name) จะมีได้เพียงชื่อเดียว หากตั้งซ้ำที่เหลือชื่อจะเรียกว่า ชื่อพ้อง (synonym)
6.ถ้าทราบชื่อผู้ที่ตั้งชื่อ (author name) จะต้องลงชื่อของผู้ตั้งชื่อ ด้วยตัวพิมพ์ธรรมดาขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ แต่ไม่ต้องเอียงหรือขีดเส้นใต้ และใส่ปีที่มีการตีพิมพ์ผลงานการค้นพบท้ายชื่อ คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากอาจจะมีการบอกลักษณะ แหล่งที่พบ หรือตั้งให้เป็นเกียรติกับบุคคลอื่น ตัวอย่างเช่น
ปูเจ้าพ่อหลวง Potamon bhumibol bhummibol ตั้งให้เป็นเกียติกับพระเจ้าอยู่หัว
หอยทากสยาม Cryptozona siamensis siamensis เป็นการบ่งบอกแหล่งที่อยู่ในไทย
การระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต (Identification)
ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous key) เป็นเครื่องมือที่นักอนุกรมวิธานใช้ในการตรวจสอบชื่อวิทยาศาสตร์หรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่กำลังศึกษา โดยทั่วไปไดโคโตมัสคีย์จะประกอบด้วย 2 ทางเลือกโดยจะพิจารณาจากลัษณะที่เห็นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในบางครั้งนักอนุกรมวิธานจะใช้เป็นรูปภาพแทนในการจัดจำแนกก็ได้ (pictorial key)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น